ขายของได้แล้วควรแบ่งเงินยังไงไม่ให้ขาดทุน มีเงินหมุนต่อได้ !
วิธีจัดสรรเงินสำหรับค้าขาย ฉบับหมุนเงินทัน ไม่ต้องกู้เพิ่ม
เพื่อนคนไหนที่กำลังขายของทำมาหากินกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการขายของในตลาด หรือขายผ่านทางออนไลน์ เคยรู้สึกกันไหมคะว่า ถึงแม้จะขายของได้ แต่ทำไมเงินกลับเหมือนจะหายไปหมด จนไม่รู้ว่าควรจัดสรรเงินเพื่อใช้หนี้เท่าไรดี หรือควรเก็บไว้ลงทุนเพิ่มก่อน วันนี้เราจะมาคุยกันแบบเข้าใจง่าย ๆ ว่าถ้าขายของได้แล้ว ควรจัดสรรเงินยังไงให้หนี้ลดลง ธุรกิจเดินหน้าต่อได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะขาดเงินใช้ค่ะ
ขายของได้แล้ว! ต้องแบ่งเงินยังไงดี ?
เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะเคยเจอปัญหานี้ คือได้เงินจากการขายของมา แล้วเอาไปใช้หนี้ทั้งหมดก่อน จนบางครั้งไม่มีเงินเหลือไว้ซื้อของมาขายต่อ ทำให้ธุรกิจสะดุด หรือบางคนอาจใช้เงินไปกับรายจ่ายส่วนตัวก่อน เหลือเท่าไหร่ค่อยไปโปะหนี้ ทำให้หนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งทางออกง่าย ๆ ของปัญหานี้ คือการบริหารเงิน ด้วยการแบ่งให้เป็นสัดส่วน โดยใช้หลักการง่าย ๆ ที่เรียกว่า “50-30-20” ค่ะ
- 50% เอาไว้เป็น “เงินหมุนเวียน” สำหรับซื้อของเข้าร้าน
- 30% เอาไปใช้หนี้เก่า ลดภาระให้เบาลง
- 20% เก็บไว้เป็นเงินสำรองยามฉุกเฉิน
ทำไมต้องโปะหนี้ 30% ?
เพื่อน ๆ อาจสงสัยว่า “มีหนี้อยู่ตั้งเยอะ ทำไมไม่โปะให้หมดไปเลย ?” จะได้โล่งใจ แต่แนวคิดนี้อาจจะดูดีในระยะสั้น เมื่อเวลาผ่านไปอาจทำให้ต้องกลับไปกู้เงินใหม่อีกครั้ง เพราะไม่มีเงินเหลือไว้ทำทุน ซึ่งการเอาเงินทั้งหมดไปใช้หนี้ทันที อาจทำให้
- ไม่มีเงินซื้อของเข้าร้านมาขายต่อ
- ไม่มีเงินเติมวัตถุดิบในการทำมาหากิน
- ต้องหยุดธุรกิจชั่วคราวเพราะไม่มีทุนหมุน
แย่ที่สุดคือต้องกู้หนี้เพิ่ม จนหนี้ใหม่มาแทนที่หนี้เก่าอย่างไม่รู้จบ การแบ่งเงิน 30% ไปใช้หนี้ จึงเป็นทางเลือกที่สมดุล เพราะไม่ได้มากไปจนธุรกิจสะดุด และไม่ได้น้อยไปจนดอกเบี้ยบาน ซึ่งถือเป็นการจัดสรรเงิน วางแผนใช้หนี้อย่างมีระบบ ดีกว่าใช้หมดแล้วต้องกลับไปเป็นหนี้ใหม่อีกครั้งนะคะ
เงินหมุนเวียน 50% ใช้ยังไงให้ธุรกิจไปต่อ ?
เงินหมุนเวียนเป็น “หัวใจของธุรกิจ” เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะถ้าใช้ไม่ดี เงินจะจมอยู่กับของที่ขายไม่ออก หรือของหมดอายุ เสี่ยงขาดทุน จนสุดท้ายต้องไปกู้เพิ่มอีก ทางที่ดีควรเลือกวิธีหมุนเงินขายของ ด้วยการซื้อของเข้าร้านอย่างคุ้มค่าและไม่ทำให้เงินจม เช่น
- ซื้อของให้พอดีกับยอดขาย ไม่ต้องสต๊อกของเยอะจนเงินจม โดยดูแนวโน้มยอดขายจากสัปดาห์ หรือเดือนก่อนหน้า
- เลือกของที่ขายดี กำไรดี เน้นสินค้าหลักที่ลูกค้าซื้อซ้ำบ่อย หลีกเลี่ยงของที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ของที่หมดอายุเร็ว หรือขายออกยาก
- ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าขนส่งที่สามารถรวมรอบได้ หรือค่าบรรจุภัณฑ์ ของแถมที่ไม่ได้ส่งผลต่อยอดขาย
เก็บเงิน 20% ไว้ทำไม ?
เพื่อน ๆ บางคนอาจคิดว่าเรามีหนี้อยู่ ไม่ควรเก็บเงินสำรอง แต่จริง ๆ แล้ว การมีเงินเก็บไว้บ้างเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ของเสียหาย ค่ารักษาพยาบาล หรือยอดขายตกช่วงเทศกาล ที่หากไม่มีเงินเก็บเลย ก็อาจจะต้องไป “กู้เพิ่ม” เพื่อเอาเงินมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นหนี้ซ้ำซ้อนแบบไม่ตั้งใจ โดยข้อดีของการมีเงินเก็บ ได้แก่
- เป็นเบาะรองรับในวันที่รายได้ไม่แน่นอน
- ไม่ต้องรีบกู้เพิ่มถ้าเจอเรื่องฉุกเฉิน
- มีโอกาสต่อยอดธุรกิจในอนาคต เช่น ลงทุนเพิ่ม เปิดช่องทางขายใหม่ ๆ
เชื่อเถอะค่ะว่า การมีเงินเก็บไว้บ้างจะทำให้สบายใจขึ้นได้อีกมาก เพราะไม่ต้องเครียดเวลาเกิดเรื่องกะทันหัน เพราะรู้ว่ามีเงินก้อนที่ยังพึ่งพาได้
เคล็ดลับจัดสรรเงินให้หนี้หมดเร็ว ธุรกิจไปรอด
หลายคนคิดว่าอยากหมดหนี้เร็ว ต้องโปะหนี้ให้หนัก ๆ ทุกเดือน แต่ความจริงคือการจะจัดการหนี้ให้หมดได้เร็ว ต้องมีการบริหารเงินที่รอบคอบและไม่ทำให้ธุรกิจล้มกลางทางค่ะ มาดูกันว่ามีเคล็ดลับอะไรบ้างที่เพื่อน ๆ ทำตามกันได้ค่ะ
โปะหนี้ดอกเบี้ยสูงก่อน
เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่า หนี้บางก้อนมีดอกเบี้ยแพงมาก โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ หรือหนี้บัตรเครดิต พวกนี้แหละค่ะที่ทำให้หนี้ไม่หมดสักที เพราะดอกเบี้ยจะทบไปเรื่อย ๆ แม้จ่ายขั้นต่ำทุกเดือน เราจึงควรดูรายการหนี้ทั้งหมด แล้วจัดลำดับว่าอันไหนดอกเบี้ยสูงสุด จากนั้นให้โปะหนี้ก้อนนั้นก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อหยุดรายจ่ายจากดอกเบี้ยที่มากขึ้น เมื่อหมดก้อนนี้แล้วค่อยไปต่อก้อนอื่นที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า
จ่ายหนี้ให้มากกว่าขั้นต่ำ
เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนมักเลือกจ่ายแค่ขั้นต่ำก่อน เพราะอยากมีเงินส่วนหนึ่งเก็บไว้กับตัว ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ถ้าอยากให้หนี้หมดเร็วขึ้นจริง ๆ แนะนำให้พยายามจ่ายให้มากกว่าขั้นต่ำไว้นิดหน่อยทุกเดือน อย่างน้อยก็เพื่อให้เงินต้นลดเร็วขึ้น
หารายได้เพิ่ม
เพื่อนำมาลดภาระ ซึ่งแม้รายได้เสริมจะไม่ได้เยอะมาก แต่ก็สามารถนำมาโปะหนี้ได้โดยไม่กระทบเงินหมุนในธุรกิจหลัก
อย่ากู้เพิ่ม ถ้าไม่จำเป็น
ข้อนี้สำคัญมากเลยค่ะ เพราะตอนหมุนเงินไม่ทัน เพื่อน ๆ หลายคนก็เลือกที่จะกู้เพิ่มไปเรื่อย ๆ จนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริง ๆ แล้วต้องจ่ายหนี้ทั้งหมดกี่ก้อน ถ้ายังไม่ได้วางแผนบริหารหนี้เก่าให้ดี การกู้เพิ่มก็จะทำให้หนี้สะสมหนักขึ้นไปอีก แต่ถ้าจำเป็นต้องกู้จริง ๆ ควรเลือกสินเชื่อที่ดอกเบี้ยไม่สูงมาก
เช็กบัญชีรายรับ-รายจ่ายทุกวัน
การเช็กบัญชีรายรับ-รายจ่ายเป็นประจำ จะทำให้รู้ทันทีว่าเงินหายไปตรงไหน รวมถึงสามารถเห็นกำไร หรือขาดทุนแบบชัดเจน เพื่อให้สามารถตัดสินใจวางแผนจัดสรรเงินได้อย่างแม่นยำว่า ควรนำเงินไปโปะหนี้เท่าไร หรือจำเป็นต้องกู้เพิ่มมาทดแทนส่วนไหนบ้าง
เพิ่มสภาพคล่อง หาเงินหมุนให้ธุรกิจ เงินเทอร์โบพร้อมเป็นตัวช่วย
การแบ่งสัดส่วนเงินว่าสำคัญแล้ว การหาผู้ให้บริการสินเชื่อที่น่าเชื่อถือและคิดดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนดก็สำคัญไม่แพ้กัน โดย เงินเทอร์โบ เราพร้อมให้คำปรึกษาด้านการเงินแบบครบวงจร ด้วยบริการสินเชื่อที่หลากหลายทั้งสินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อมอเตอร์ไซค์ และสินเชื่อจำนำโฉนดที่ดิน
✅ อนุมัติไว ได้เงินเร็ว
✅ ไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน
✅ ดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนสบาย
สนใจสมัครสินเชื่อสามารถกรอกข้อมูลในเว็บไซต์ได้เลย หรือติดต่อที่เงินเทอร์โบได้ทุกสาขาใกล้บ้านค่ะ
การกดส่งข้อมูล ถือว่าคุณอ่านและรับทราบ นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรียบร้อยแล้ว
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 15% - 24% ต่อปี
*เงื่อนไขและการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด